วันที่ 21 สิงหาคม 2556
หมายเหตุ ::
ในสัปดาห์นี้ไม่มีการเรียนการสอน แต่อาจารย์ได้มอบหมายงานไว้ให้
นั้นก็คือให้นักศึกษาทำว่าวจากใบไม้แห้ง
และให้ทนลองเล่นดูว่าสามารถลอยได้เหมือนว่าว หรือมีความแตกต่างกันอย่างไร
สิ่งที่สังเกตได้ หลังทดลองนำว่าวใบไม้แห้งไปเล่น
ว่าวใบไม้ถึงแม้จะใส่โครงเพื่อความคงทน
แต่ก็ไม่สามารถต้านลมได้ดีเท่าว่าวกระดาษ เพราะใบไม้มีขนาดเล็กเดินไป
และรูปทรงใบไม้ที่หามานั้นต้านลมได้ไม่ดีพอ
ว่าวใบไม้จึงไม่สามารถลอยขึ้นสูงได้ตามแรงลม
ค้นคว้าเพิ่มเติม
ว่าว เป็นสิ่งประดิษฐ์ขึ้นเพื่อความบันเทิงที่นิยมเล่นกันเกือบทุกชาติเป็นเวลานานมาแล้ว
แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้คิด
บางทีว่าวยังใช้ประโยชน์อย่างอื่นๆ ได้อีก
การเล่นว่าวยังนิยมเล่นกันจนถึงปัจจุบันนี้
การละเล่นของไทยเพื่อความบันเทิงอย่างหนึ่งของเด็กและผู้ใหญ่
ที่นิยมกันมากในทุกภาคของประเทศไทยก็คือการเล่นว่าว
ซึ่งปรากฏตามหลักฐานว่ามีมาเเต่ กรุงสุโขทัย
เป็นว่าวที่ส่งเสียงดังด้วยในเวลาที่ลอยอยู่ในอากาศ เรียกว่า ว่าวหง่าว
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ปรากฏตามหลักฐานของชาวต่างประเทศว่า “ว่าวของสมเด็จ
พระเจ้ากรุงสยามปรากฏในท้องฟ้าทุกคืนตลอดเวลาระยะ 2 เดือน “ในฤดูหนาว” และยังกล่าวว่า “ว่าวเป็นกีฬาที่เล่นกันอยู่ทั่วไปในหมู่ชาวสยาม”
ที่ลพบุรีเวลากลางคืน รอบพระราชนิเวศน์จะมีว่าวรูปต่างๆ ลอยอยู่
ข่าวนี้ติดโคมส่องสว่างและลูกกระพรวนส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง ในสมัยพระเพทราชา
เคยใช้ว่าวในการสงคราม
โดยผูกหม้อดินบรรจุดินดำเข้ากับสายป่านว่าวจุฬาข้ามกำแพงเมือง
แล้วจุดชนวนให้ระเบิดไหม้เมืองนครราชสีมาได้สำเร็จ
โอกาสที่จะเล่นว่าว
จากหลักฐานข้างต้นจะเห็นได้ว่าว่าวเป็นการละเล่นเพื่อความบันเทิงของคนไทยทุกชั้น
นับตั้งแต่องค์พระมหากษัตริย์ถึงคนสามัญ แล้วยังใช้ประโยชน์อื่นได้อีก
และเล่นกันในหน้าหนาวตอนกลางคืน ปัจจุบันนิยมเล่นกันทั้งในหน้าหนาวและหน้าร้อน
การเล่นว่าวแน่นอนจะเล่นว่าวได้สนุก กระแสลมนี้มี 2 ระยะ คือ
ฤดูหนาวหรือหน้าหนาว ลมจะพัดจากผืนแผ่นดินลงสู่ทะเล คือ พัดจาก
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ดังปรากฏในสมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยาว่าเล่นว่าวใน หน้าหนาว
ปัจจุบันนี้ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ยังนิยมเล่นว่าวใน หน้าหนาว
ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์
ฤดูร้อนหรือหน้าร้อน จะมีลมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลพัดสู่ผืนแผ่นดินใหญ่
หรือเรียกกันว่าลมตะเภา ชาวไทยภาคกลาง ภาคตะวันตกและภาคใต้
นิยมเล่นว่าวในระยะนี้คือ ประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายน
และมักจะเรียกกระแสลมที่พัดมาทาง ทิศนี้ว่า ”ลมว่าว”
วิธีเล่นว่าวของไทย คนไทยในภาคต่างๆ
ทุกภาคนิยมเล่นว่าวมาก วิธีเล่นมีอยู่ 3 วิธี คือ
1.ชักว่าวให้ลอยลมปักอยู่กับที่ เพื่อดูความสวยงามของว่าวรูปต่างๆ
2.บังคับสายชักให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการนิยมกันที่ความงาม ความสูง
และบางทีก็คำนึงถึงความไพเราะของเสียงว่าวอีกด้วย
ในการเล่นว่าวทั้งสองวิธีนี้
ไทยเราได้ประดิษฐ์เป็นรูปต่างๆ ตามความนิยมในท้องถิ่นมานานแล้ว
แต่ในปัจจุบันนี้มีรูปแบบใหม่มาจากต่างประเทศปะปนด้วย ว่าวแบบดั้งเดิมของภาคต่างๆ
บางอย่างยังปรากฏอยู่ บางอย่างก็หาดูไม่ได้แล้ว
ว่าวซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยและมีทุกภาคคือว่าวจุฬา
ส่วนว่าวปักเป้านั้นแม้จะเล่นกันใน ภาคกลาง แต่ก็เป็นที่รู้จักกันมาก
3.การต่อสู้ทำสงครามกันบนอากาศ การเล่นว่าวแบบนี้แตกต่างจากชาติอื่น
ทั้งตัวว่าวและวิธีที่จะต่อสู้คว้ากัน การแข่งขันว่าวจุฬากับปักเป้านั้น
ว่าวปักเป้ามีขนาดเล็กกว่าว่าวจุฬาประมาณครึ่งหนึ่ง
การแข่งขันแบบนี้มีมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ก็ยังมีการแข่งขันว่าวจุฬาและปักเป้าในภาคกลางของประเทศไทยมาจนปัจจุบันนี้
การแข่งขันว่าว
การแข่งขันว่าวเป็นกีฬาซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทยอย่างหนึ่ง
เป็นศิลปะที่ต้องใช้ความสามารถของผู้เล่นเป็นอย่างมาก ทั้งผู้ทำว่าวและผู้ชักว่าว
ต้องใช้ความประณีต ความแข็งแรง ความมีไหวพริบ และข้อสำคัญต้องอาศัยความ
พร้อมเพรียงด้วย พระมหากษัตริย์ไทยก็ทรงสนับสนุนว่าวไทยตลอดมา
ในปัจจุบันนี้มีการแข่งขันว่าวกัน
2 ประเภท ประเภทแรก คือ การแข่งขันว่าวจุฬาและปักเป้า
คว้ากันบนอากาศ อีกประเภทหนึ่งเป็นประเภทการละเล่น การแข่งขัน เป็นการประกวดฝีมือในการประดิษฐ์
ซึ่งจะแยกเป็นด้านความสวยงาม ความคิด ความตลกขบขัน
และความสามารถในการชักให้ว่าวแสดงความสามารถ สมรูปทรง และให้สูงเด่นมองเห็นได้ชัด